James Maddison เจมส์ แมดดิสัน ประวัติ มิดฟิลด์ จอมทัพ เลสเตอร์ ซิตี้ ขวัญใจแฟนบอล จิ้งจอกสยาม
James Maddison (เจมส์ แมดดิสัน) กองกลางสุดโหด จากสโมสร เลสเตอร์ซิตี การอ่านเกม ทำเกม การจ่ายบอล สายตาอันเฉียบคมของเขานั้นเรียกได้ว่าเป็นผู้เล่นที่โดดเด่น และ ยอดเยี่ยมที่สุด ถึงแม้ว่าเขาจะมีปัญหาจากอาการบาดเจ็บค่อนข้างบ่อย ทำให้พักหลังผลงานของเขาอาจจะออกมาไม่ค่อยดี แต่เขาไม่เคยท้อ และ ยังพัฒนาตัวเองต่อไป
สำหรับใครที่กำลังหาประวัติ หรือ ข่าวสารของ James Maddison อยู่ ห้ามพลาดเพราะวันนี้เราจะมาบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดของเขา บอกได้เลยว่า กลางกอง ที่ตึงที่สุดคงต้องเป็นเขาคนนี้
ประวัติของ James Maddison (เจมส์ แมดดิสัน)
ชื่อ : James Maddison (เจมส์ แมดดิสัน)
ชื่อเต็ม : James Daniel Maddison (เจมส์ ดาเนียล แมดดิสัน)
วันเกิด : 23 พฤศจิกายน 1996
เกิดที่ : คอเวนทรี ประเทศ อังกฤษ
ตำแหน่ง : มิดฟิลด์ , กองกลางตัวรุก
เก่งเกินตัว ดาวรุ่งที่ดีที่สุด ของ โคเวนทรี ซิตี้
เดิมทีครอบครัวของ เจมส์ แมดดิสัน เป็นชาวไอริชที่อพยพมาปักหลักอยู่ที่ประเทศอังกฤษ และ หลังจากที่ได้ให้กำเนิด James ขึ้นมา ต้องบอกก่อนว่าครอบครัวของ James เป็นสาวกของทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กันทั้งบ้าน และแน่นอนว่า James นั้นก็ถูกพ่อและแม่ปลูกผังในสิ่งที่เรียกว่าฟุตบอล มาตั้งแต่เขายังเด็ก และ นั้นเป็นจุดที่ทำให้ เจมส์ แมดดิสัน เริ่มเล่นฟุตบอล เขามีความมุ่งมั่นกับกีฬาฟุตบอลที่สูงมาก เขาร้องขอให้ครอบครัวพาเขาไปสมัครเป็นนักฟุตบอลเยาวชนของ อะคาเดมี่ โคเวนทรี ซิตี้สโมสรที่อยู่ใกล้บ้าน ซึ่งแน่นอนว่า ชีวิตที่โรงเรียนเป็นสิ่งที่สนุกที่สุดในชีวิต แต่ว่า เจมส์ แมดดิสัน ยอมเสียสละเวลาอันมีค่าเหล่านั้น ตั้งแต่ช่วงต้นของชีวิต เพื่อที่จะทำตามความมุ่งมั่นของตัวเอง นั้นคือการซ้อมให้หนัก หนักมากที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ เจมส์ แมดดิสัน ถูกประเมินว่าเป็นเด็กที่เล่นอ่อนที่สุดในรุ่น แต่นั้นไม่ใช้ปัญญาหาเลยสำหรับเด็กวัย 9 ขวบ
เขาสามารถฝึกฝนตัวเองจากเด็กที่อ่อนที่สุด และ พุ่งทะยานไปสู่เด็กที่เก่งที่สุดในรุ่น จนถึงขนาดที่ว่าได้ ได้รับรางวัลนักเตะเยาวชนดีเด่น ซึ่งแน่นอนว่าการเติมโตดังกล่าวที่เกิดขึ้นมันเกิดจากการที่เขาฝึกซ้อมอย่างหนัก เจมส์ แมดดิสัน เริ่มแสดงสัญชาตญาณ การเป็นจอมทัพขึ้นมาทีละนิด จนทำให้เขาได้รับเสื้อหมายเลข 10 ในชุดทีมเยาวชน จนมาในปี 2013 เจมส์ แมดดิสัน ได้สิ้นสุดการเล่นให้ทีมชุดเยาวชน และ ได้ถูกส่งไปขึ้นไปเล่นในทีมชุดใหญ่ ในฐานะนักเตะที่เก่งที่สุดของ โคเวนทรี ซิตี้ เขาสามารถแจ้งเกิดได้อย่างรวดเร็ว และ โดดเด่นมากในลูกเตะ Set Piece แค่เล่นในฐานะนักฟุตบอลอาชีพให้กับ โคเวนทรี ซิตี้ ได้เพียงแค่ไม่กี่แมตซ์
เจมส์ แมดดิสัน ในวัย 17 ปี ก็ตกเป็นข่าวก็ตกเป็นข่าวกับสโมสรชั้นนำบนโลก พรีเมียร์ลีก ไม่ว่าจะเป็น ทีมทอตนัมฮอตสเปอร์ ลิเวอร์พูล และในท้ายที่สุดก็เป็น สโมสรนอริชซิตี ที่ได้ดึงเขาเข้ามาร่วมทีม ด้วยราคาค่าตัวประมาณ 2 ล้านปอนด์ หรือราวๆ 85 ล้านบาท ก่อนที่จะถูกปล่อยตัวไปยืมให้กับทีม โคเวนทรี ซิตี้ อดีตต้นสังกัดเดิมเอาไปใช้งาน ก่อนที่จะให้ สโมสรอเบอร์ดีน จากประเทศ สกอตแลนด์ นำไปยืมใช้งานต่อ
คีย์แมนคนสำคัญ เจ้าหนูมหัศจรรย์ ของ อเบอร์ดีน
หลังจากที่ เจมส์ แมดดิสัน ได้ย้ายมาเล่นให้กับสโมสร อเบอร์ดีน ได้เพียงแค่ไม่กี่เกมเขาก็สามารถปรับตัวเข้ากับสไตล์การเล่นของฟุตบอล สก็อตแลนด์ ได้เป็นอย่างดี และ ก้าวขึ้นมาเป็นกำลังรบคนสำคัญของทีม ซึ่งหลังจากที่เขาได้กลายมาเป็น เพลย์เมกเกอร์ คนสำคัญของทีมได้ไม่นาน เจมส์ แมดดิสัน ก็สามารถทำประตูให้กับทีม และ มีส่วนสำคัญในการพาสโมสรเอาชนะ กลาสโกว์ เรนเจอร์ส ได้สำเร็จ
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เจมส์ แมดดิสัน ก็ได้กลายเป็นขวัญใจของเหล่าแฟนบอลในถิ่นพิตโทรดี้ สเตเดี้ยม จนทำให้สื่อข่าวในประเทศ สก็อตแลนด์ ต่างพากันยกย่อง และ เรียกเขาว่าเจ้าหนูมหัศจรรย์ แห่งวงการฟุตบอล เรียกได้ว่าการที่เขาได้ย้ายมาเก็บเกี่ยวประสบการณ์นั้นประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ทำให้สต๊าฟโค้ชของทาง สโมสรอเบอร์ดีน ไม่รอช้ารีบดึงตัว เจมส์ แมดดิสัน กลับมาร่วมทีมอย่างรวดเร็ว
โชว์ฟอร์มร้อนแรง กับ เจ้านกขมิ้น นอริช ซิตี้
การที่เขาได้ถูกให้ไปยืมตัวเล่นนั้น ไม่ได้แปลว่าเขาไม่เก่งอะไร เขาเป็นคนที่เก่ง และ การที่ถูกส่งไปให้ยืมตัวนั้นก็เพื่อที่จะให้เขาเก็บเกี่ยวประสบการณ์การเล่นฟุตบอลให้มากขึ้น หลังจากนั้นเขาก็ได้กลับมาเล่นในตำแหน่งตัวจริงในทีมชุดใหญ่ของ สโมสรนอริชซิตี ได้ในฤดูกาล 2017-2018 ซึ่งมันเป็นฤดูกาลที่หยุดไม่อยู่ของ เจมส์ แมดดิสัน
เขาได้เขย่าเวทีฟุตบอล แชมเปียนชิปอังกฤษ ด้วยฟอร์มการเล่นที่น่าจับตามอง โดยจบฤดูกาล 2017-2018 ด้วยสีเสื้อของ สโมสรนอริชซิตี เขาลงเล่นไปทั้งหมด 49 แมตซ์ และทำประตูไปถึง 19 ประตู บวกกับอีก 12 แอสซิสต์ พร้อมกับคว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสร กลายเป็นบุคคลที่สามารถโชว์ฟอร์มการเล่นได้อย่างโดดเด่น ของแชมเปียนชิป อีกทั้งยังมีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมของแชมเปียนชิป จนกระทั่งในที่สุดด้วยฟอร์มการเล่นที่อนาคตไกลของเขา ทำให้ทีมชื่อดังอย่าง ทีมเลสเตอร์ซิตี ตัดสินใจคว้าตัวเขามาร่วมทีมด้วยราคาค่าตัว 22 ล้านปอนด์ หรือราวๆ 941 ล้านบาท
จอมทัพแดนกลาง เพลย์เมกเกอร์คนเก่งของ จิ้งจอกสยาม เลสเตอร์ ซิตี้
หลังจากที่เขาย้ายมา ก็ได้รับมอบเสื้อหมายเลข 10 ซึ่งการมาของ เจมส์ แมดดิสัน ทำให้โค้ชบูลเอลผู้จัดการทีมของ เลสเตอร์ซิตี ในขนาดนั้นถึงกับเอ่ยปากชมเขาว่า James เป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยม เป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่น่าจับตามองของวงการฟุตบอลอังกฤษ
เขาเป็นผู้เล่นคนสำคัญของ นอริชซิตี ในฤดูกาลที่ผ่านมา และผมดีใจเป็นอย่างยิ่งที่เขาตัดสินใจก้าวเขาสู่การแข่งขันพรีเมียร์ลีก และ เข้ามาร่วมเล่นกับ สโมสร เลสเตอร์ซิตี เขาเป็นดาวรุ่งที่เก่งในการสร้างจังหวะเกมรุก และ เขายังทำให้ทีมแข็งแกร่งขึ้น แน่นอนว่าเขายังสามารถพัฒนาได้อีก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นกับสโมสร และ เหล่าแฟนบอลเป็นอย่างมาก
ในขณะเดียวกันที่ เจมส์ แมดดิสัน ได้พบกับเจ้าของสโมสรอย่าง คุณวิชัย เขาก็ปฎิญานกับตัวเองว่า เขาและเพื่อนร่วมทีมจะทำทุกวิถีทาง เพื่อให้คุณ วิชัย นั้นภูมิใจ เราจะเดินหน้าและทำสิ่งที่ต้องการให้เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามทันใดที่เขาได้สวมเสื้อของสโมสร เลสเตอร์ซิตี เขาก็ได้กลายเป็นหนึ่งผู้เล่นคนสำคัญของทีม พร้อมกับจบฤดูกาลแรกของ พรีเมียร์ลีก ด้วยการลงเล่น 38 นัด จากการลงสนามทุกรายการ สามารถทำประตูไปได้ 7 ประตู กับอีก 7 แอสซิสต์ ซึ่งนั้นมันก็มากพอสำหรับการที่จะทำให้เขาได้กลายเป็นดาวรุ่งที่หน้าจับตามอง และกลายเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยการที่อยากจะคว้า เจมส์ แมดดิสัน ไปร่วมทีม เนื่องด้วยสกิลการเล่นของเขา ที่แพร่ออกมาเพียงคนเดียว
บรรดาสื่อก็ต่างไปขุดประวัติของ เจมส์ แมดดิสัน ขึ้นมา James เขาเคยให้สัมภาษณ์เอาไว้เมื่อปี 2015 ว่าเขาเป็นแฟนบอลของทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แมตซ์ความทรงจำของเขาคือเกมที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาชนะ ไบเอิร์น มิวนิก และคว้าถ้วยยูฟ่าแชมเปียนลีกในปี 1999 ซึ่งเขากับพ่อก็ดีใจจนวิ่งไปรอบโต๊ะ และไอดอลในการเล่นฟุตบอลของเขานั้นก็คือ คริสเตียโน โรนัลโด เพราะเขาชอบสกิลลีลาการหลบหลีก ซึ่ง เจมส์ แมดดิสัน มักจะเอาไปเลียนแบบเป็นประจำ
จากเรื่องต้นที่กล่าวมาว่าเขาเป็นสาวกของทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และในล่าสุด ได้กล่าวเป็นหนึ่งบุคคลที่มีคนพูดถึงมากมาย นอกจากที่เขาจะมีข่าวกับสโมสร แมนยูไนเต็ด เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งนักฟุตบอลที่น่าสนใจ แต่ด้วยสกิลการเล่นของเขาที่โดดเด่น เขามักจะถูกทำให้ ฟาวล์ อยู่เสมอ ทุกๆ ครั้งเขามักจะโดนสกัดในการเล่น จนบางทีทำให้เขาได้รับอาการบาดเจ็บเป็นจำนวน พักหลังฟอร์มของ เจมส์ แมดดิสัน อาจจะลดลงเนื่องจาก เขาไม่ได้ลงเล่นทุกแมตช์ ทำให้ทีม เลสเตอร์ซิตี เจอวิกฤตอย่างหนัก เรามาดูกันว่าในอนาคตเขาจะพาทีม เลสเตอร์ซิตี ไปได้ไกลแค่ไหน
การติดทีมชาติอังกฤษ ของ James Maddison
หลังจากที่ เจมส์ แมดดิสัน โชว์ฟอร์ม ได้อย่าง โดดเด่น ทำให้ แกเร็ธ เซาธ์เกต ได้ตัดสินใจเรียก เข้ามาติดทีมชาติอังกฤษในระดับ U-21 และ ได้ลงเล่นในสนามที่ ทีมชาติอังกฤษ เจอกับ ทีมชาติ ยูเครน โดยได้ลงผสานงานกับ เดมาราย เกรย์ เบน ชิลเวลล์ 2 นักเตะ เลสเตอร์ซิตี ก่อนที่จะได้ร่วมงานกันใน สโมสรในเวลาต่อมา
เรียกได้ว่า เจมส์ แมดดิสัน เป็นนักเตะที่มี สกิลทักษะ เทคนิค สายตาที่เฉียบคม รวมไปถึงเซตการเล่นฟุตบอลของเขา ที่อยู่ในระดับเวิลด์คลาส ทำให้เขานั้นสามารถก้าวมาเล่นให้กับทีมชาติชุดใหญ่ ได้อย่างรวดเร็ว เจมส์ แมดดิสัน ได้ถูกลงเล่นให้กับทีมชาติชุดใหญ่เกมแรก
โดยเป็นเกมรอบคัดเลือก ยูโร 2020 ในฐานะตัวสำรองที่ถูกเปลี่ยนตัวลงไปแทน อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ในนาทีที่ 56 และ เขายังมีส่วนร่วมทำให้ทีมชาติอังกฤษเอาชนะไปได้ถึง 7-0 หลังจากนั้นเขาก็ได้รับความไว้วางใจกับผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ และ มีชื่อติดอยู่ในทีมชาติตลอดมา
เกียรติประวัติ James Maddison
เลสเตอร์ ซิตี
- เอฟเอคัพ : 2020–2021
- เอฟเอ คอมมูนิตี้ ชีลด์ : 2021
รางวัลส่วนตัว
- ดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำเดือนของ EFL : มกราคม 2018
- ทีมแชมป์พีเอฟเอแห่งปี : 2017–2018
- นักเตะ นอริช ซิตี้ แห่งฤดูกาล : 2017–2018
- ผู้เล่น เลสเตอร์ ซิตี้ แห่งปี : 2021–2022
- ทีมยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของ EFL : 2017–2018
- ประตูยอดเยี่ยม พรีเมียร์ลีก ประจำเดือน : กันยายน 2020